18 ประโยชน์ของ “น้ำผึ้งผสมอบเชย”

18 ประโยชน์ของ “น้ำผึ้งผสมอบเชย” (Honey and Cinnamon) ที่คุณไม่เคยทราบ


รักษาโรคหัวใจ โรคปวดข้อปวดกระดูก โรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ คลอเลสเตอรอล ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ท้องอืด ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย อาหารไม่ย่อย ยาอายุวัฒนะ แก้สิว ผิวหนังติดเชื้อ ลดน้ำหนัก มะเร็ง อาการอ่อนเพลีย ขจัดลมหายใจมีกลิ่น และสูญเสียการได้ยิน

น้ำผึ้งเป็นอาหารเพียงชนิดเดียวในโลกนี้ที่ไม่เสียหรือบูดเน่า จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล แท้จริงแล้วน้ำผึ้งแท้ก็คือน้ำผึ้งแท้อยู่วันยังค่ำ อย่างไรก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้ในที่มืดนานๆมันจะตกผลึก ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้นำขวดน้ำผึ้งแช่ในน้ำร้อน ปล่อยให้ค่อยๆเย็นลงจนกลายเป็นของเหลว มันก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม อย่านำเข้าตู้ไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะจะทำลายเอ็นไซม์ในน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งกับอบเชย

กล้ากล่าวได้ว่าบริษัทยาทั้งหลายไม่ชอบใจแน่ๆ การค้นพบข้อเท็จจริงของส่วนผสมน้ำผึ้งกับอบเชยสามารถรักษาโรคได้เป็นส่วนมาก น้ำผึ้งสามารถผลิตได้ทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังยอมรับว่าเป็น “Ram Ban” (มีประสิทธิผลมาก) ในการรักษาโรคนานาชนิด น้ำผึ้งสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

ปัจจุบันวิทยาศาสตร์กล่าวว่าแม้น้ำผึ้งจะมีรสหวาน ถ้ารับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นยาชนิดหนึ่ง ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ป่วยเบาหวาน หนังสือ World Weekly News ของแคนาดา ประจำวันที่ 17 มกราคม 1995 ได้บอกถึงสรรพคุณของน้ำผึ้งกับอบเชยว่ารักษาโรคใดได้บ้าง ซึ่งเป็นผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกดังนี้ :



  1. โรคหัวใจ (Heart Diseases) เอาน้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยแล้วป้ายขนมปังแทนเยลลีและแยม ทานเป็นประจำเป็นอาหารเช้าจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดและช่วยลดอาการหัวใจวาย สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ถ้ารับประทานตามที่แนะนำมานี้เป็นประจำ ก็จะทำให้อาการเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจทุเลา ถ้าคนปกติรับประทานเป็นประจำดังกล่าวมาก็จะทำให้ระบบหายใจดีขึ้น การเต้นหัวใจแข็งแรงขึ้น ในสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาสถานดูแลผู้ป่วยหลายแห่งใช้วิธีนี้บำบัดคนไข้ผลดี และค้นพบต่อไปอีกว่า เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เส้นโลหิตแดงและโลหิตดำขาดความยืดหยุ่นและอุดตันได้ง่าย น้ำผึ้งกับอบเชยสามารถฟื้นฟูเส้นโลหิตทั้งสองชนิดได้  
  2. โรคปวดข้อปวดกระดูก (Arthritis) ผู้ป่วยโรคปวดข้อปวดกระดูกอาจจะรับประทานเป็นประจำโดยชงน้ำผึ้ง 2 ช้อนกับผงอบเชย 1 ช้อนชาในน้ำร้อนขนาดถ้วยกาแฟทุกเช้าและเย็น ก็จะทำให้อาการปวดทรมานหายได้ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนฮาเกน พบว่าหมอให้คนไข้รับประทานน้ำผึ้งขนาด 2 ช้อนโต๊ะกับผงอบเชยขนาด ครึ่งช้อนชาก่อนอาหารเช้า พบว่าในเวลา 1 สัปดาห์คนไข้จำนวน 73 คนจากจำนวนทั้งหมด 200 คนที่เข้าร่วมโครงการทดลองมีอาการปวดลดลง เมื่อทดลองต่อไปจนครบ1 เดือนปรากฏว่าคนไข้ส่วนใหญ่ที่เดินไม่ได้สามารถเดินได้เองโดยไม่มีอาการปวดแต่อย่างใด 
  3. โรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ (Bladder Infections) ให้ใช้ผงอบเชย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาชงในน้ำอุ่น 1 แก้วแล้วดื่ม มันจะไปฆ่าเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ 
  4. คลอเลสเตอรอล (Cholesterol) ชงน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกับผงอบเชย 3 ช้อนชา ในน้ำชาขนาด 16 ออนซ์ให้คนไข้ที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงดื่มปรากฏว่าภายในเวลา 2 ชั่วโมงระดับคลอเลสเตอรอลลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ ดังที่ได้กล่าวถึงคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคปวดข้อ ถ้าให้คนไข้ดื่มวันละ 3 เวลาก็คลอเลสเตอรอลจะหายเป็นปกติได้ ตามข้อมูลที่อ่านจากนิตยสารนี้กล่าวว่า การดื่มน้ำผึ้งบริสุทธิ์พร้อมอาหารเป็นประจำทุกวันช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ 
  5. ไข้หวัด (Colds) สำหรับผู้ที่มีอาการทรมานจากไข้หวัดหวัดทั่วไปหรือไข้หนักควรชงน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะกับผงอบเชย ¼ ช้อนทุกวันเป็นเวลา 3 วันก็จะช่วยลดอาการไอรุนแรงและจมูกโล่ง
  6. อาการท้องอืด (Upset Stomach) ให้รับประทานน้ำผึ้งผสมผงอบเชยจะช่วยให้อาการปวดท้องทุเลา และยังช่วยลดอาการแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย
  7. ลมในกระเพาะ (Gas) ผลการศึกษาในอินเดียและญี่ปุ่นพบว่า ถ้ารับประทานน้ำผึ้งกับผงอบเชยจะช่วยลดลมภายในกระเพาะอาหารลงได้
  8. ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย (Immune System) การรับประทานน้ำผึ้งผสมผงอบเชยประจำวันจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายให้เข้มแข็ง ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นักวิทยาศาสตร์พบว่าในน้ำผึ้งมีวิตามินหลายชนิดและธาตุเหล็กเป็นจำนวนมากการรับประทานน้ำผึ้งประจำยังเพิ่มเม็ดเลือดขาว เพื่อต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ 
  9. อาหารไม่ย่อย (Indigestion) โรยผงอบเชยลงบนน้ำผึ้งขนาด 2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารจะช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและช่วยให้การย่อยอาหารเมื้อหนักได้ดี
  10. ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) นักวิทยาศาสตร์สเปนได้พิสูจน์น้ำผึ้งประกอบด้วยสารอาหารธรรมชาติที่ทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่และช่วยให้ผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ 
  11.  ยาอายุวัฒนะ (Longevity) การดื่มชาที่ผสมน้ำผึ้งกับผงอบเชยเป็นประจำช่วยชะลอความชรา วิธีการทำคือ ใช้น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ผงอบเชย 1 ช้อน น้ำเปล่า 3 ถ้วย แล้วน้าไปต้มเหมือนชา ให้ดื่ม ¼ ถ้วยวันละ 3-4 เวลา จะช่วยให้ผิวหนังเปล่งปลั่ง นุ่มมีน้ำมีนวล ช่วยทำให้อายุยืน อาจถึง 100 ปีให้เริ่มต้นตั้งแต่อายุราว 20 ปี 
  12. แก้สิว (Pimple) ผสมน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะกับผงอบเชย 1 ช้อนชาให้เข้ากัน แล้วป้ายบนหัวสิวก่อนนอนและล้างออกในวันรุ่งขึ้นด้วยน้ำอุ่น ถ้าปฏิบัติติดต่อกัน 2 สัปดาห์ก็จะสามารถกำจัดหัวสิวได้ 
  13. ผิวหนังติดเชื้อ(Skin Infections) ใช้น้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยปริมาณเท่าๆกันทาบริเวณที่ติดเชื้อ จะช่วยรักษาเรื้อนกวาง (eczema) กลากและโรคผิวหนังชนิดต่างๆได้ 
  14. ลดน้ำหนัก (Weight Loss) ดื่มน้ำผึ้งผสมผงอบเชยในน้ำร้อน ทุกๆเช้าก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง ขณะท้องว่าง และก่อนนอนทุกคืน ถ้าทำเป็นประจำจะช่วยลดน้ำหนักแม้คนที่อ้วนมากๆ เช่นเดียวกัน ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่กล่าวมานี้จะช่วยไม่ให้ไขมันสะสมในร่างกายแม้กระทั่งในคนที่รับประทานอาหารทีมีพลังงานสูง 
  15. โรคมะเร็ง (Cancer) ผลการวิจัยในญี่ปุ่นและออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ผู้ทีเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระดูกในขั้นมากๆแล้วสามารถรักษาได้สำเร็จ ผู้ป่วยที่ได้รับความทรมานจากมะเร็งดังกล่าวควรดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมผงอบเชย 1 ช้อนชาเป็นประจำ 3 เวลาประมาณ 1 เดือน 
  16. แก้อาการอ่อนเพลีย (Fatigue) ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้แสดงให้เห็นว่าน้ำตาลในน้ำผึ้งมีประโยชน์มากในการเพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย ในผู้สูงวัยที่รับประทานน้ำผึ้งกับผงอบเชยในปริมาณเท่าๆกัน ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าและมีร่างกายที่ยืดหยุ่น ดร. มิลตันที่ศึกษาเรื่องนี้กล่าวว่า การดื่มน้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะในแก้ว 1 แก้วโรยด้วยผงอบเชยเป็นประจำหลังแปรงฟัน และตอนบ่ายราวๆ 15.00 น.เมื่อร่างกายเริ่มล้า จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีชีวิตชีวาใน 1 สัปดาห์ 
  17. ขจัดลมหายใจมีกลิ่น (Bad Breath) ชาวอเมริกาใต้ ตื่นนอนตอนเช้า สิ่งที่เขาทำอันดับแรกคือ กลั้วคอด้วยส่วนผสมของน้ำผึ้ง 1 ช้อนชากับผงอบเชยในน้ำร้อน เพื่อให้ลมหายใจสดชื่นตลอดวัน 
  18. สูญเสียการได้ยิน (Hearing Loss) การรับประทานน้ำผึ้งและผงอบเชยผสมกันในปริมาณเท่าๆกันเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอนจะช่วยให้การได้ยินกลับมาเหมือนเดิม จำได้ไหมเมื่อครั้งเป็นเด็ก เรากินขนมปังทาเนยโรยด้วยผงอบเชย

ที่มา :: ชมรมคนรักสุขภาพ

18 ประโยชน์ของ “น้ำผึ้งผสมอบเชย” 18 ประโยชน์ของ “น้ำผึ้งผสมอบเชย” Reviewed by @monrudee on 8:53 AM Rating: 5
Break
Powered by Blogger.